ในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ค่อยฟื้นตัวดีอย่างนี้หลายคนต้องกลายเป็นหนี้เพราะสภาพความคล่องตัวของเงินต่ำลงในขณะเดียวกันรายได้ก็หายากยิ่งขึ้นข้าวของพากันขึ้นราคา เชื่อได้เลยว่าใครที่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้สติอย่างเดียวอาจไม่พอที่จะช่วยให้เอาตัวรอดสถานการณ์วิกฤตอย่างนี้ได้ยังต้องมีสมองและสองมือที่พร้อมจะคิดและลงมือทำด้วยแนวความคิดในการปลดหนี้ก็มีแนวทางเพียง 2 ทางคือลดรายจ่ายกับเพิ่มรายได้ง่ายๆเท่านี้แต่ในเมื่อรายได้มันหาได้ยากขึ้นคุณก็จำเป็นต้องลดรายจ่ายแทนค่าใช้จ่ายส่วนมากจะอิ่มตัวไปแล้วแต่ถือว่ายังโชคดีที่เดี๋ยวนี้มี หลอดไฟ Led ซึ่งเพียงคุณแค่เปลี่ยนแนวคิดนิดเดียวเท่านั้นคุณก็สามารถมีผลต่างรายรับรายจ่ายเพิ่มขึ้นแล้ว

การลดรายจ่ายด้วยหลอดไฟ led จึงพอจะเป็นโรดแม็ปที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดเพราะสามารถทำได้จริงเริ่มด้วยการประเมินการใช้หลอดไฟในบ้านคุณว่ามีกี่หลอดโดยรวมแล้วใช้กำลังไฟไปกี่วัตต์วิธีการคือให้ดูที่ตัวเลขที่อยู่หน้าตัวอักษร W บันทึกไว้ให้เรียบร้อย จากนั้นลองวางแผนเปลี่ยนหลอดไฟทั้งหมดเป็นหลอด ledแม้ว่าจะราคาแพงกว่าหลอดปกติซักนิดแต่ในกรณีที่คุณซื้อในจำนวนมากคุณก็จะได้ราคาแบบเหมาโหลไปช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกหากหลอดเดิมเป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์หลอด led ที่จะนำมาทดแทนจะมีกำลังไฟฟ้าต่ำลงประมาณครึ่งหนึ่งหากเป็นหลอดกลมที่เป็นหลอดไส้หลอด ledที่จะนำมาเปลี่ยนจะลดกำลังไฟฟ้าลงไปเหลือประมาณ1ใน10แต่หากเป็นหลอดประหยัดอยู่แล้วก็ยังสามารถลดกำลังไฟฟ้าลงไปได้อีกประมาณครึ่งหนึ่ง

ทีนี้ลองคิดในอัตราที่แย่ที่สุดก็คือคุณลดกำลังไฟฟ้าลงไปได้เพียงครึ่งเดียว สมมติว่าคุณเสียค่าไฟฟ้าเฉพาะที่เป็นอุปกรณ์ให้แสงสว่างเดือนละ 1,000 แต่หากเปลี่ยนมาใช้หลอด led คุณจะจ่ายเพียงแค่ 500 บาทคุณก็ได้ส่วนต่างแล้ว 500 บาท หากการลงทุนเปลี่ยนหลอดไฟของคุณอยู่ที่ 5,000 – 6,000 บาทในเวลา 1 ปีคุณจะคืนทุนค่าหลอด ledเมื่อเข้าปีที่สองคุณจะมีรายรับเหลือเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 500 บาทเลยทีเดียวนะซึ่งในความเป็นจริงหลอด ledประหยัดได้มากกว่านั้นแต่เพียงเท่านี้คุณก็มีเงินเพิ่มเพื่อไปชำระหนี้ได้เพิ่มขึ้นแล้ว

ลองเทียบค่าไฟจากหลอดไฟที่ใช้อยู่กับ หลอดไฟ LED

ทุกวันนี้อะไร ๆ ก็ราคาสูงขึ้นไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ค่าสาธารณูปโภคอย่างค่าน้ำค่าไฟ ที่ขึ้นเอาขึ้นเอาจนแทบจะไม่อยากใช้แล้ว แต่ทำอย่างไรได้สิ่งเหล่านี้มันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว ทำได้แค่ทำใจยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง จนกระทั่งมี หลอดไฟ led เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยให้มองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์นี่แหละ ได้ยินมาว่าหลอดไฟ led สามารถช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้มากโขอยู่
 แต่ก็ยังเกิดความสงสัยอยู่ในใจลึก ๆ ว่ามันจะประหยัดได้ขนาดนั้นได้จริง ๆ หรือ? ก่อนจะฟันธงไปว่าประหยัดได้จริงหรือไม่นั้น จำเป็นจะต้องเข้าใจกันก่อนว่าการคิดค่าไฟนั้นพิจารณาจากปัจจัยใดบ้าง แล้วจึงค่อยตัดสินว่าหลอดไฟ ledนั้นสามารถช่วยลดการใช้ไฟได้จริงหรือไม่ การคิดค่าไฟนั้นต้องพิจารณาจากปริมาณการใช้ไฟของอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นอันดับแรก อุปกรณ์เหล่านี้จะมีตัวเลขที่บอกความสิ้นเปลืองอยู่โดยคุณสามารถสังเกตได้จากตัวเลขที่มีหน่วยลงท้ายเป็นวัตต์(W) หากตัวเลขนี้มากแสดงว่าอุปกรณ์นั้นใช้ไฟมากกว่าอุปกรณ์ที่มีตัวเลขนี้น้อย ๆ ที่นี้ลองมาเปรียบเทียบกันดูว่าหลอดไฟ led จะประหยัดกว่าจริงหรือเปล่า มาดูหลอดไฟแบบดวงกลมเป็นตัวอย่างกัน

 หลอดไส้แบบเดิมใช้กำลังไฟฟ้า 120 วัตต์ ให้ความสว่างประมาณ 1200 ลูเมน ที่ระดับการส่องสว่างเดียวกันหากเป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์จะมีอัตราการใช้พลังงานเพียง 25 วัตต์ ในยุคนั้นซึ่งผ่านมาไม่นานผู้คนก็ตื่นเต้นกันมากมายแล้วที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับหลอดประหยัดไฟขั้นเทพที่ลดการใช้ไฟได้เกือบ 80% ทีเดียว ใครจะไปคิดว่าในเวลาเพียงไม่นานก็จะมีการพัฒนาหลอดไฟ ledที่สามารถช่วยประหยัดไฟลงไปได้อีก เมื่อเทียบที่ความสว่างเท่ากันพบว่าหลอดไฟ ledใช้ปริมาณไฟฟ้าเพียง 12 วัตต์เท่านั้นเอง ประหยัดกว่าหลอดไส้แบบเดิมถึง 10 เท่า หรือลดค่าไฟไปได้ถึง 90% เลยทีเดียว นั่นหมายความว่าหากคุณเคยจ่ายค่าไฟจากหลอดไฟ 100 บาท คุณก็จะจ่ายเพียง 10 บาทหากเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ led!!! ความตื่นเต้นยังไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้นเพราะทีมนักออกแบบยังคงพัฒนารุ่นหลอดไฟ ledมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้สามารถนำไปเปลี่ยนทดแทนหลอดไฟอื่น ๆ ที่เคยใช้ได้แทบทุกประเภทแล้ว ไม่เว้นแม้แต่สปอร์ตไลท์ หรือไฟถนนที่ก็มีการปรับเปลี่ยนมาเป็นหลอดไฟ led กันบ้างแล้ว

ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้วัสดุที่ใช้ในการผลิตนั้นมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ดังนั้นหลอดที่ผลิตได้จึงมีความสว่างสูงขึ้นในขณะที่ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยลง ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้นี้อาจมีหลอดแอลอีดีรุ่นใหม่ที่สว่างเท่าเดิมแต่ประหยัดไฟได้มากขึ้นอีกก็เป็นได้

อุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดอื่นอาจมีปริมาณการใช้ที่คงที่ตัวอย่างที่แสดงนี้ให้คิดเฉพาะส่วนที่เป็นแสงสว่างเท่านั้น ค่าไฟฟ้าจริงๆเป็นอัตราก้าวหน้าแต่ให้ลองใช้ค่าเฉลี่ยด้วยการคูณหน่วยการใช้ไฟด้วย 4 ดู เช่น คุณใช้หลอดไฟรวมๆแล้วประมาณ 1000 วัตต์(ประมาณ 25 ดวง) ใช้เฉลี่ยวันละ 5 ชั่วโมงก็หาหน่วยการใช้ใน 1 เดือนจาก 1000x5x30 ÷ 1000 = 150 หน่วย คิดค่าไฟฟ้าด้วยการคูณ 4 ได้ 600 บาท อย่างนี้เป็นต้นเมื่อเปลี่ยนหลอดไฟก็คิดง่ายๆว่าลดไปครึ่งหนึ่ง นั่นก็คือเงินที่คุณจะได้เพิ่มมาในแต่ละเดือนนั่นเอง

สามารถคำนวจุดคุ้มทุนได้ฟรีใน www.ledinfinite.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร  0627896565  และยังมีช่องทางอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Line :  kckavin   FB :  @ledinfinite Email :  [email protected]