#ลูเมน,#ความสว่าง,#ค่าลักซ์,#Lumen #Lux,#Powerfacter,#Pf #ค่าฟลั๊กซ์การส่องสว่าง,#ปริมาณแสงสว่าง #Luminous flux,#ค่าประสิทธิผล #Efficacy,#ความถูกต้องของสี #Color rendering,#ไม่มีความเพี้ยนของสี #อุณหภูมิสี,#Color temperature #เคลวิน,#มุมองศาในการใช้งานหลอด #Burning position,#อายุการใช้งาน #Life time,#เดไลท์,#วอร์มไวท์ #แรงดันของแหล่งจ่ายไฟ,#Supply voltage #ความร้อนต่ำ,#ติดตั้งได้ง่าย #ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม,#ทนต่อแรงกระแทก #ประหยัดพลังงาน,#เปิดปุ๊บสว่างปั๊บ #กำลังไฟฟ้า,#ระบบไฟฟ้ากระแสสลับ,#มาตรฐานผลิตภัณฑ์ #ไม่มีสารปรอท,#ไม่มีรังสีUVและIR,#ปริมาณแสง #เบอร์5 #16w

หลอดไฟ LED ที่มีคุณภาพ VS หลอดไฟ LED ด้อยคุณภาพกับความแตกต่างที่ควรรู้

อายุการใช้งานโดยเฉลี่ยของหลอดไฟ LED อยู่ที่ 50,000 ชั่วโมง หรือตีเป็นเลขตัวเดียวง่ายๆ ก็คือเกือบ 6 ปี ซึ่งเป็นเวลาที่นานมาก แต่ไม่ใช่ว่า หลอดไฟ LED ทุกดวงจะมีอายุการใช้งานที่นานขนาดนี้

แน่นอนว่าสินค้าทุกชนิดย่อมมีทั้งของที่คุณภาพสูงและคุณภาพต่ำ และบทความนี้ LED Infitnite จะมาพูดถึงความแตกต่างของหลอดไฟ LED ทั้งสองแบบ เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจมากขึ้น และทำให้ง่ายต่อการเลือกซื้อ ไปดูกันเลยดีกว่า

 

น้ำหนัก

อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่ว่าเป็นเรื่องจริง ของบางอย่างยิ่งเบายิ่งดี แต่ต้องไม่ใช่กับหลอดไฟ LED เนื่องจากหลอดไฟ LED ที่ดี จำเป็นต้องใช้วัสดุจำพวกอลูมิเนียมที่มีความสามารถในการระบายความร้อนสูง ดังนั้น ถ้าคุณเจอหลอดไฟ LED ยี่ห้อจากจีนที่ให้ความสว่าง 12-20W แต่กลับเบาอย่างกับพลาสติก ก็ให้สรุปไว้ก่อนว่ามันเป็นของที่ไม่ได้คุณภาพ

 

ชิป LED

ชิป LED ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัทน้อยใหญ่ทั่วโลก แต่ซัพพลายเออร์ที่ดีที่สุดนั้น คงจะหนีไม่พ้นบริษัทจากญี่ปุ่นและอเมริกา ชิปของหลอด LED มีความสำคัญอย่างมากกับอายุการใช้งาน การที่ชิปมีขนาดใหญ่จะให้แสงที่สว่างและมีเสถียรภาพมากกว่า แต่ก็มีราคาที่แพงกว่าเช่นกัน

 

แหล่งจ่ายไฟ

ตัวจ่ายไฟ หรือ พาวเวอร์ซัพพลายด์ เป็นหัวใจสำคัญของหลอด LED การใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน และตัวเก็บประจุที่คุณภาพต่ำ เช่น ของที่ผลิตในจีน จะทำให้อายุการใช้งานของหลอด LED ลดลงเหลือแค่ประมาณ 1,000 ชั่วโมงเท่านั้น ในขณะที่ LED Infinite เราได้คำนวณอายุการใช้งานของตัวเก็บประจุให้ยาวนานถึง 10 ปี

 

คุณภาพแสง

อีกสิ่งหนึ่งสาเหตุของต้นทุนราคาแพงในการผลิตหลอดไฟ LED ก็คือ การเคลือบขาวด้วยสารฟอสเฟอร์ (Phosphor) ซึ่งเป็นการทำเพื่อให้แสงที่ออกมามีอุณหภูมิสีช่วง 3200-4600K และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดไฟ LED นั้นมีค่า CRI (หรือ Ra) อันหมายถึงดัชนีความถูกต้องของสีสูงกว่าหลอดชนิดอื่นๆ ดังนั้น สีของวัตถุที่เรามองเห็นภายใต้หลอด LED ที่มีคุณภาพจะแทบไม่เพี้ยนไปจากของจริงนั่นเอง

แต่ด้วยความที่ราคาของฟอสเฟอร์ (Phosphor) ค่อนข้างสูง ทำให้ในอดไฟ LED คุณภาพต่ำอาจมีการลดต้นทุนด้วยการเคลือบฟอสเฟอร์ (Phosphor) เพียงเล็กน้อย หรือใช้สารเรืองแสงอื่นๆ ที่ถูกกว่า เช่น ฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescence) ซึ่งก็ทำให้คุณภาพของแสงที่ได้นั้นด้อยกว่าเช่นกัน

 

การผลิตและงานประกอบ

สุดท้ายนี้ การประกอบหลอดไฟ LED เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทั้งการออกแบบ รูปลักษณ์ และความแข็งแรง ในการเลือกซื้อหลอดไฟ LED คุณต้องหยิบมันขึ้นมาดูอย่างละเอียด งานประกอบภายนอกเองก็สามารถบอกถึงคุณภาพของหลอดไฟได้ เช่น หากพบว่าสีที่เคลือบอยู่ด้านนอกนั้นดูเลอะเทอะ ไม่เรียบร้อย มันก็มีโอกาสสูงที่วัสดุภายในจะไม่มีคุณภาพเช่นกัน โดยเฉพาะหลอดไฟ LED ราคาถูกที่ผลิตจากประเทศจีน

 

หลอดไฟ LED คุณภาพ คุณไม่จำเป็นต้องเลือกใช้แบรนด์ของต่างชาติเท่านั้น!!

LED Infitnite หลอดไฟ LED สัญชาติไทย ก็มีคุณภาพไม่แพ้กันกับแบรนด์ต่างชาติ และพร้อมให้ความช่วยเหลือและมอบคำแนะนำดีๆ ที่แบรนด์ต่างชาติไม่สามารถทำให้คุณได้ ซึ่งเรามีหลอดไฟ LED ทุกแบบ และทุกประเภทการใช้งานรวมไว้ให้คุณได้เลือกใช้ได้ตามที่คุณต้องการแล้ววันนี้ที่ ledinfinite.com

ช่องทาง Facebook

หลอดไฟ LED | โคมไฟ LED อื่นๆที่น่าสนใจ (Related Products)

Scroll to Top