หลอดไฟLED มีเทคนิคการเลือกซื้อและข้อดีอย่างไร

              หลอดไฟ LED เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งที่เข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในปัจจุบัน สำหรับการประหยัดพลังงาน และที่สำคัญคือช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟลดลงได้อย่างชัดเจน  เราจะสังเกตุได้จากสถานที่ตามราชการ, ห้างสรรพสินค้า, ถนน,สนามกีฬา แม้แต่รถยนต์ก็เร่ิมหันมาใช้ หลอด LED   และปัจจุบันเราต้องการที่จะลดค่าใช้จ่ายในบ้านจึงทำให้ตามบ้านที่พักอาศัยเร่ิมเปลี่ยนมาใช้ หลอดไฟLED เป็นจำนวนมาก

แต่ก็ยังมีคำถามตามมามากมายว่าการเลือกซื้อหลอดไฟLED สำหรับตามบ้านเรือนนั้นมีการเลือกซื้อหลอดไฟต้องดูอะไรบ้าง

• หลอดไฟในบ้านใช้แบบไหนดี ?
• หลอดไฟ LED ในบ้านควรใช้กี่วัตต์ ?

เดี๋ยวเรามาดูเทคนิคการเลือกซื้อหลอดไฟกันครับ

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเจ้าหลอดไฟ LED กันก่อนครับ

ข้อดีของหลอดไฟแอลอีดี

หากจะพูดถึงความประหยัดและความคุ้มค่าในการใช้งานของหลอดไฟแล้ว ใคร ๆ ก็คงต้องยกให้หลอดไฟ LED เนื่องจากสมัยนี้หลอดไฟLED และ โคมไฟLED ได้มีการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และให้ความสว่าง คุ้มค่าในราคาที่สมเหตุสมผล ว่ากันว่า หลอด LED นั้นประหยัดไฟถึง 90% และใช้งานคงทนกว่าหลอดไฟแบบอื่นถึง 15 เท่ากันเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น หากพูดถึง หลอด LED ของ INFINITE LED แล้ว จะยิ่งประหยัดและคุ้มค่ากว่าหลอดไฟ LED ทั่ว ๆ ไป เนื่องจากหลอดไฟของที่นี่นั้น ไม่มีสารปรอท อีกทั้งยังตกแล้วไม่แตก

LED คืออะไร

LED ย่อมาจาก Light Emitting Diode

LED คือไดโอดเปล่งแสง ย่อมาจากคำว่า(Light-Emitting Diode) ซึ่งสามารถเปล่งแสงออกมาได้แสงที่เปล่งออกมาประกอบด้วยคลื่นความถี่เดียวและ เฟสต่อเนื่องกัน ซึ่งต่างกับแสงธรรมดาที่ตาคนมองเห็น โดย หลอดLED สามารถเปล่งแสงได้เมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และประสิทธิภาพในการให้แสงสว่างก็ยังดีกว่าหลอดไฟขนาดเล็กทั่วๆ ไป ข้อมูลจาก www.ju-led.com     เมื่อจ่ายกระแส ไฟฟ้าเข้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น    หลอดLEDมีจุดเด่นหลายอย่าง คือ ใช้พลังงานต่ำ แต่ให้ประสิทธิภาพการส่องสว่างที่สูงมาก ไม่มีแสง UV ไม่กะพริบขณะเปล่งแสง การเปิด – ปิด หลอดไฟLED สามารถเปิด – ปิดได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลารอนาน ประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดไฟประเภทอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด ประหยัดเงินค่าไฟฟ้าจากการใช้หลอดไฟ LED 15 – 75% โดยเฉลี่ยแล้วมีอายุการใช้งานสูงสุดถึง 50,000 ชั่วโมงหรือประมาณ 5 ปีขึ้นไป ดูน้อยลง ภาพที่มาจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค PEA(คลิกที่นี่)

หลอดไฟที่ใช้ตามบ้านเรือน มีแบบไหนบ้าน

ชนิดของหลอดไฟ ที่นิยมกันในปัจจุบันตามบ้านพักอาศัย ที่มาของข้อมูลจากเพจ Officemate (คลิกอ่านได้ที่นี่)

หลอดไฟแบบหลอดไส้ (Incandescent)

หลอดไฟชนิดนี้มีลักษณะภายนอกเหมือนที่เราคุ้นตาคือเป็นหลอดแก้ว ภายในมีลวดขดอยู่ทำจากทังสเตน เมื่อเปิดไฟใช้งาน กระแสไฟฟ้าจะเกิดความร้อน ยิ่งร้อนมาก ยิ่งให้แสงสว่างมาก แต่เป็นหลอดไฟที่สิ้นเปลืองพลังงาน เนื่องจากพลังงานไฟฟ้าที่ปล่อยเข้าไป ถูกใช้ไปกับการทำความร้อนเสียมากกว่า และมีอายุการใช้งานต่ำ

หลอดไฟฮาโลเจน (Halogen)

เป็นหลอดไฟที่มีลักษณะและหลักการทำงานเหมือนๆ กับหลอดไฟแบบหลอดไส้ แต่แตกต่างกับที่หลอดไฟแบบฮาโลเจนมีการใส่สารกลุ่มฮาโลเจนลงไป ทำให้ยืดอายุการใช้งานของหลอดไฟ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มากกว่าหลอดไฟแบบแรก

หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent)

หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์หรือที่เรารู้จักในชื่อหลอดไฟนีออน มีลักษณะเป็นหลอดแก้วภายในบรรจุแก๊ส มีขั้วหลอดสองฝั่ง เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าจะไหลจากขั้วหนึ่งไปอีกขั้วหนึ่ง ในขณะไหลไปจะมีอิเล็กตรอนไหลไปด้วย เมื่ออิเล็กตรอนไหลไปชนกับอะตอมของปรอท จะเกิดเป็นพลังงานและรังสีอัลตราไวโอเลตทำให้เกิดแสงสว่าง แต่ภายในหลอดแก้วเคลือบด้วยสารดูดซับสีขาว ซึ่งจะดูดซับรังสียูวี และปล่อยออกมาเฉพาะแสงที่เรามองเห็น หลอดไฟชนิดนี้จะต้องใช้งานร่วมกับบัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์

หลอดไฟแอลอีดี (LED)

หลอดไฟแอลอีดี ซึ่ง LED ย่อมาจาก Light Emitting Diodes เป็นนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และค่อยๆ ทยอยเข้ามาแทนที่หลอดไฟแบบเก่า ด้วยหลักการทำงานของหลอดไฟแอลอีดีคือ เป็นการปล่อยไฟฟ้าไปที่ชิป และให้แสงสว่างจากอิเล็กตรอน โดยไม่มีการทำให้เกิดความร้อน ไม่เผาไส้หลอด และด้วยรูปทรงที่มีขนาดเล็กทำให้ลดทอนข้อจำกัดในเรื่องการออกแบบเพื่อนำหลอดไฟไปใช้งาน

ขอยกตัวอย่างหลอดไฟที่นิยมใช้กันตามบ้านเรือน ได้แก่ “หลอดไฟ LED T8”  หรือที่เราชอบเรียกกันว่า หลอดยาว หรือจะบอกว่า “หลอด LED แบบยาว T8” ก็ได้ และตามด้วยจำนวนวัตต์ที่ต้องการ ตามบ้านที่นิยมกัน มี 14 วัตต์ และ 16 วัตต์

 

หลอดไฟแบบยาว T8

หลอดยาว หรือ ในทางเทคนิคจะเรียกว่า หลอดแอลอีดี T8  เรียกสั้น  ๆ ว่า หลอดไฟ T8  เป็นหลอดไฟประหยัดพลังงานที่ใช้ง่ายเปลี่ยนแทนหลอดไส้ หรือ หลอดประหยัดไฟ ที่ขั้วเดียวกันได้ทันที  

จำนวนวัตต์ที่นิยมกัน

• • • T8 LED  14W
    • T8 LED 16W

 

ตัวอย่าง การใช้  วัตต์ (watt) ระหว่าง หลอดไฟฟลูโอเรสเซนท์ กับ หลอดไฟLED

โดยทั่วไปแล้วหลอดฟลูโอเรสเซนท์ที่เราใช้อยู่ตามบ้านกินไฟประมาณ 48 วัตต์           แต่หลอดไฟแอลอีดี ของ Infinite กำลังไฟที่ใช้กับหลอดLED ใช้เพียง 16 วัตต์ สามารถประหยัดไฟได้มากกว่าถึงเท่าตัวและยังไห้ความสว่างที่มากกว่าอีกด้วย   ดังนั้น การเลือกซื้อหลอดไฟตามบ้าน เราก็สามารถจะสรุปเบื้องต้นได้ง่ายขึ้นดังนี้ หลอดยาว T8 หรือจะบอกว่า “หลอด LED แบบยาว T8” ก็ได้ และตามด้วยจำนวนวัตต์ที่ต้องการ ตามบ้านที่นิยมกัน มี 14 วัตต์ และ 16 วัตต์    เช่น “ซื้อหลอดไฟ LED T8 14 วัตต์”   หรือ “ซื้อหลอดไฟ LED T8 16 วัตต์” ก็ได้ครับ สรุป กับคำถามที่ว่า

• หลอดไฟในบ้านใช้แบบไหนดี ?
• หลอดไฟ LED ในบ้านควรใช้กี่วัตต์ ?

 ก็จะทำให้เราเลือกการซื้อหลอดไฟแอลอีดีที่ใช้ในบ้านพักหรือสถานที่ต่าง ๆ เราก็จะเรียกได้ง่ายขึ้นครับ

เมื่อเรารู้เรื่องเบื้องต้นวิธีการเลือกซื้อหลอดไฟและข้อดีกันแล้ว เรามารู้เรื่องเทคนิคกันครับ  

เทคนิคการเลือกซื้อ

เทคนิคการเลือกซื้อหลอดไฟนั้นมีมากมาย  บทความนี้จะยกเทคนิคที่สำคัญ ๆ มาให้รู้จักกันครับ

1. เม็ดแอลอีดีชิป (LED Chip) ระดับพรีเมี่ยม

เม็ดแอลอีดีชิป ที่ใช้ในหลอดไฟควรเป็นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักดีและเป็นระดับพรีเมี่ยม เช่น LUMILED, SEOULSEMI, OSRAM, NISHIA เป็นต้น เพราะ LED ชิปในกลุ่มนี้จะมีการควบคุมคุณภาพการผลิตเป็นอย่างดี ด้วยความจริงที่ว่าแสงสว่างของ LED จะลดลงตามอายุการใช้งานเช่นผ่านไป 6 เดือนแสงอาจลดลง(แต่ไม่ดับ) เกินกว่า 40% ได้ในเม็ด LED ที่ไม่ได้มาตรฐาน แต่เม็ดคุณภาพสูงนี้จะสว่างทนทานตามอายุการใช้งานเป็นอย่างน้อย 50,000 ชั่วโมง โดยแสงไม่ลดเกินกว่ามาตรฐานการทดสอบที่กำหนด ที่เรียกว่า LM80&TM21  ดังนั้นผู้ซื้อควรเรียกหาผลทดสอบดังกล่าวเพื่อยืนยันคุณภาพของเม็ด LED และรวมถึงแสงสว่างของหลอดไฟ LED ดังกล่าวด้วย  

2. ใช้แผงวงจร Drivers ด้วยวัสดุคุณภาพสูงเพื่อความทนทานและคุ้มค้า

เพราะ แผงวจร (drivers) ของหลอด LED เป็นส่วนที่ไฟฟ้าเข้าโดนตรงเพื่อขับไฟฟ้าไปในวงจรเม็ดชิป LED ดังนั้น Drivers มักเป็นส่วนที่จะเสียบ่อยและเสียก่อนตัวเม็ด LED ดังนั้นแผงวงจรควรใช้องค์ประกอบที่ดีมีคุณภาพเช่น แบบ PTH ที่มีความหนาสูงถึง 1.6 mm และ ความหนาของทองแดงสูงเช่น 35 micron มีการเลือกใช้ ชิ้นส่วนอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ในวงจร และ ชุดสายไฟ ที่ทนต่อความร้อนสูงเป็นต้น เพื่อความทนทานของ Drivers รวมถึงควรมีวงจรกันไฟกระชาก(ในหลอด T8 Tube) ด้วยเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นสำหรับแผงวงจรได้  

3. ความสว่างเต็ม Lumens ได้ความสว่างตามที่จ่ายไปจริงๆ

ปกติแล้วการทดสอบ Lumens นั้นต้องทำที่ห้อง Lab โดยในเมืองไทยมีห้องทดสอบที่ได้มาตร IEC17025 อยู่หลายแห่งเช่น สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (www.thaieei.com) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐในการทดสอบมาตรฐานดังกล่าวด้วยหัวข้อทดสอบ LM-79 แต่ในท้องตลาดส่วนใหญ่อาจระบุ lumens ที่สูงกว่าความเป็นจริงเพราะเป็นแค่การทำฉลากสินค้า เช่น 1000 ลูเมน แต่ถ้าไปทดสอบจริงอาจได้แค่ 700 ลูเมนเป็นต้น ดังนั้น ผู้ซื้อควรพิจารณาจากผลทดสอบจากสถาบันที่เชื่อถือได้ (ถ้ามี) หรือบริษัทฯที่มีผลทดสอบจริงเพื่อยืนยันคุณภาพความสว่างที่เต็ม lumens  

4.ช่วยถนอมสายตาที่เหนื่อยล้าด้วยการลดแสงสีฟ้า(blue light)และการกระพริบของหลอดไฟ(Flickering)

แสงสว่างมาพร้อมกับการใช้สายตาเป็นหลักเพราะเป็นส่วนของการมองเห็น ดังนั้นหลอดไฟคุณภาพสูง จะมีส่วนช่วยถนอมสายตาให้กับผู้ใช้งานเพื่อให้สายตาไม่เหนื่อยล้ามากเกินไปจากการใช้งาน โดยจะแบ่งเป็นสองส่วนคือ 1. Blue light hazard อันตรายจากแสงสีฟ้า และ 2. ค่าการกระพริบของแสง ในส่วนของแสงสีฟ้านั้นเป็นอันตรายต่อสายต่อทำให้ตาล้าและอาจเกิดอาการบาดเจ็บได้ถ้าดวงตาต้องสัมผัสกับแสงสีฟ้าดังกล่าวเป็นประจำและเป็นเวลานาน ดังนั้นหลอดไฟที่ดีควรได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานดังกล่าว และได้ระดับที่สูงสุดคือ ระดับ Exempts (RG0) ซึ่งเป็นการระบุว่าแสงสีฟ้าจากหลอดไฟดังกล่าวน้อยมากจนแทบไม่มีผลอันตรายต่อสายตา ในส่วนของการกระพริบของแสงก็เช่นกัน ปกติหลอดไฟมีการกระพริบตามคลื่นไฟฟ้า 50Hz ที่เราใช้อยู่ ซึ่งคนจะมองไม่เห็นการกระพริบดังกล่าวแต่ถ้าใช้กล้องถ่ายวีดีโอจะเห็นว่าหลอดไฟกระพริบ ซึ่งการกระพริบบ่อย ๆของหลอดไฟในระดับที่สายตามองไม่เห็นนั้นทำให้สายตาเมื่อยล้าโดนตรงดังนั้นควรเลือกหลอดไฟที่ การกระพริบน้อยเพื่อถนอมสายตาของผู้ใช้งานและแน่นอนควรมีผลทดสอบมายืนยันด้วย

5. วัสดุที่ใช้ปลอดภัยไม่ลามไฟเพื่อความปลอดภัยสูงสุด (FLAMMABILITY STANDARD)

เนื่องด้วยหลอดไฟ คืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องใช้ไฟฟ้าในการให้แสงสว่าง ดังนั้นจึงถือว่ามีความเสี่ยงกับการที่เกิดไฟฟ้าลัดวงจรซึ่งเป็นสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้ได้ นอกจากควรใช้แผงวงจร(Driver)ที่มีคุณภาพสูงนั้น วัสดุที่ใช้ในการทำหลอดไฟควรจะเป็นวัสดุที่ไม่ลามไฟ ซึ่งในมาตรฐานนานาชาติมีระบุถึงมาตรฐาน UL94 FLAMMABILITY STANDARD (มาตรฐานการลามไฟ) ซึ่งหลอดไฟควรใช้มาตรฐานที่สูงสุดคือ UL94-V0 เพื่อความปลอดภัยสูงสุดจากการใช้งานและหลีกเลี่ยงความเสียหายในอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้    

ดังนั้นหากจะพูดถึงความประหยัดและความคุ้มค่าในการใช้งานของหลอดไฟแล้วใครๆก็คงต้องยกให้หลอดไฟ LED เนื่องจากสมัยนี้หลอดไฟ LED และ โคมไฟ LED ได้มีการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และให้ความสว่าง คุ้มค่าในราคาที่สมเหตุสมผล

  แนะนำ หลอดไฟ  T8 รุ่น ULTRASAVE 16W (Best Seller) คลิกที่นี่เพื่อเข้าดูข้อมูลสินค้า